อัคคีภัยเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั่วโลกและเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตผู้คน ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมทางด้านของอัคคีภัยแต่อาจใช้คำว่า “ ไม่เข้มงวด ” เพราะในหลากหลายของอาคารก็ยังไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

ในประเทศไทยเราจะมีมาตรฐานของ วสท ชื่อว่า มาตรฐานการป้องกันอัคคีภัย และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้ง พรบ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2543 แต่มาตรฐานที่ใช้ในระดับนานาชาติจะเป็น NFPA ( National Fire Protection Association )

ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานป้องกันอัคคีภัย

งานป้องกันอัคคีภัย คืออะไร?

งานป้องกันอัคคีภัยนั้นเป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในหลายๆสาขา แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือ เพื่อปกป้อง ชีวิต ทรัพย์สิน การดำเนินธุรกิจ และสิ่งแวดล้อม ใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ฉบับที่3 พ.ศ.2543

กำหนดให้ อาคารสูง อาคารชุมนุมคน ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบทางด้านวิศวกรรมหรือผู้ตรวจสอบทางด้านสถาปัตยดรรม ทำการตรวจสอบ ระบบการแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบการป้องกันและระงับอัคคีภัย แล้วรายงานผลการตรวจสอบต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

หลักการในการป้องกันอัคคีภัย จะประกอบด้วย

  • สร้างอาคารที่สามารถทนไฟ
  • การแบ่งพื้นที่ป้องกันและควันไฟลาม
  • จัดทางหนีไฟที่สะดวกและปลอดภัย
  • การควบคุมวัสดุภายในอาคาร
  • การบริหารความปลอดภัยที่ดี
  • ระบบเตือนอัคคีภัย
  • ระบบดับเพลิงและระบบควบคุมควันไฟที่ได้มาตรฐานและอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี

การแบ่งส่วนพื้นที่อาคาร

เหตุผลที่เราแบ่งพื้นที่ของอาคารนั้นก็เพื่อ ควบคุมเพลิงให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดไม่ให้ลามออกไปยังพื้นที่อื่นเป็นการจำกัดความเสียให้ให้อยู่ในพื้นที่เดียว ทำให้ผู้คนมีเวลาในการอพยพหนีไฟได้ทันและมีเวลาให้พนักงานดับเพลิงสามารถเข้ามาดับเพลิงได้ทันเวลา

FIRE SEPARATION

จากแบบอาคารนี้เราจะเห็นว่าถ้าเกิดไฟไหม้ที่โซน A ไฟจะไม่ลามไปที่โซน B เพราะมีการแบ่งพื้นที่ระหว่างโซน A และ B ด้วยผนังกั้นซึ่งผนังกั้นระหว่างโซนจะต้องเป็นผนังที่ทนไฟ 2 ชั่วโมง และถ้าที่ผนังกั้นโซนมีช่องเปิดเช่น ประตูหรือ ท่อที่ทะลุผ่านผนังกั้น วัสดุของช่องเปิดต้องมีอัตราทนไฟที่เท่ากับตัวผนังกั้น ( ผนังกั้นทนไฟ 2 ชั่วโมง ดังนั้นประตูก็ต้องทนไฟ 2 ชั่วโมง )

ตัวอย่างอัตราการทนไฟของผนังไม่รับน้ำหนัก

ประเภทผนัง อัตราทนไฟ ( นาที )
ผนังอิฐมอญก่อ 1/2 แผ่น ฉาบปูน 1.5 – 2 ซม. สองด้าน 60
ผนังอิฐมอญก่อเต็มแผ่น ฉาบปูน 1.5 – 2 ซม. สองด้าน 120
ผนังอิฐบล็อกหนา 14 ซม. ฉาบปูน 1.5 – 2 ซม. สองด้าน 120
ผนังอิฐบล็อกหนา 19 ซม. ฉาบปูน 1.5 – 2 ซม. สองด้าน 180

การป้องกันช่องเปิด

เรามีเหตุผลที่เราต้องป้องกันช่องเปิดที่ทะลุผ่านผนังกันไฟ ก็เพื่อป้องกันควันไฟหรือเปลวไฟลุกลามผ่านทางช่องเปิดนั้น ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้เรามีการแบ่งโซนอย่างเรียบร้อยทำให้ไฟไม่สามารถลุกลามไปยังโซนอื่นได้ แต่เราลืมที่จะป้องกันรูของท่อที่ผ่านผนัง ทำให้ควันผ่านทางช่องนี้มาบดบังการมองเห็นขณะที่เรากำลังหนีไฟ การป้องกันช่องเปิดนั้นเราทำก็เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของผนังที่เราได้ทำการแบ่งส่วนอาคารไว้

FIRE RESISTANCe WALL

การควบคุมวัสดุในอาคาร

วัสดุที่ติดกับตัวอาคารจะอยู่กับอาคารเป็นระยะเวลานานเช่น พื้น ผนัง ฝ้า-เพดาน ม่าน อุปกรณ์ประดับ ฯลฯ

– วัสดุที่ใช้ไม่ควรวาบไฟ-ไวไฟ ( Not Flammable )
– วัสดุที่ใช้ไม่ควรมีสารพิษเมื่อติดไฟหรือเกิดควัน ( Non Toxic )
– วัสดุควรมีมาตรฐานที่มีการทดสอบโดยสถาบันที่เชื่อถือได้

MATERIAL CONTROL

เส้นทางหนีไฟ ( Means of Egress )

ทางหนีไฟ คือเส้นทางที่จะนำเราไปสู่พื้นที่ปลอดภัยหรือจนถึงระดับพื้นดิน ต้องไม่สิ่งกีดขวางมีจำนวนที่มากเพียงพอและต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ( ปราศจากควันไฟ หรือไฟ ) เพราะทางหนีไฟเป็นสิ่งที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะหลบหนีทางไหนถึงจะปลอดภัย ถ้าให้เรามารอว่าสปริงเกอร์ทำงานฉีดน้ำดับไฟเราจะรอมั้ย

ถ้าเกิดเหตุขัดข้องอะไรขึ้นมากับตัวสปริงเกอร์ ( ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น ) เราก็ยังมีทางหนีไฟที่ปลอดภัย มีการแบ่งพื้นที่โซนของอาคารเพื่อป้องกันไฟลุกลาม มีอาคารทนไฟท่สามารถไว้ใจได้ และยังมีการควบคุมวัสดุของอาคารที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือมาแล้ว เราจึงมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเราสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า การป้องกันอัคคีภัยแบบ Passive Fire Protection

MEAN OF EGRESS

ส่วน Active Fire Protection นั้นคือระบบที่ต้องทีการสั่งการหรือตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ได้ก่อน เช่น

  • ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ( Fire Alarm )
  • ลิฟต์พนักงานดับเพลิง ( Fireman Lift )
  • ระบบสื่อสาร ( Communication System )
  • ระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉิน ( Emergency Electric )
  • ระบบไฟส่องสว่าง ( Lighting )
  • ระบบดับเพลิง ( Sprinkler System )